"Luteines (ลูทีเนส)"
อาหารเสริมบำรุงดวงตา ป้อกันจอประสาทตาเสื่อม
“เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ถ้าไร้การมองเห็นที่ชัดเจนแล้วไซร้ มองหัวใจดวงไหนก็คงไร้ความหมาย”
โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related macular degeneration (AMD) จัดอยู่ในลำดับที่ 4 ของจำนวนผู้ป่วยตาบอดทั้งหมด
อันดับ 1 : โรคต้อกระจก
อันดับ 2 : โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา
อันดับ 3 : โรคต้อหิน
ซึ่งอันดับที่จัดยังไม่รวมข้อมูลจากผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องตาจากวัยชรา ถ้ารวมข้อมูลนี้แล้วก็เป็นไปได้ว่าโรคจอประสาทตาเสื่อมอาจมีการขยับอันดับขึ้นมาเป็น 2 หรือ 3 ได้
จากการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ปี 2558 พบว่า คนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 8.3 ชั่วโมงต่อวันในการดูคอมพิวเตอร์ จอมือถือ แท็บเล็ท อุปกรณ์สื่อสารอำนวยความสะดวกทีมีผลเสียกับสายตา ซึ่งยังไม่รวมปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ด้วย เช่น แสงแดดที่มีรังสีในการทำร้ายดวงตาอีกด้วย ด้วยระยะเวลาขนาดนี้จะมีอัตราเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม
ใครที่มีความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม ![]()
@ คนที่มีอาการอ่อนล้าของดวงตา เนื่องจาก ใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็ปเล็ต หรือ การอ่านหนังสือนานๆ
@ คนที่ทำงานกะกลางคืนมาเป็นระยะเวลานาน
@ คนที่ขับรถเป็นระยะเวลานาน ๆ
กลไกการมองเห็นโดยปกติของสายตาเรา ![]()
1. เรามองเห็นสิ่งของต่างๆได้จาก แสงที่ไปตกกระทบวัตถุ ซึ่งแสงจะสะท้อนผ่านเข้ามาทางเรตินา หรือ จอประสาทตา (Retina) ซึ่งอยู่บริเวณหลังสุดของตา หลังจากนั้น จอประสาทตาจะเปลี่ยนแสงให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าแล้วส่งผ่านไปยังเส้นประสาทตา (Optic Nerve) ไปยังสมองแล้วแปรภาพให้เราเห็นนั่นเอง
2. บริเวณจอประสาทตานี้ จะมีร่องเล็กๆอยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพจอประสาทตาอยู่เป็นล้านๆเซลล์ (หรือเรียกว่าจุดที่แสงตกกระทบนั่นเอง) จุดนี้จะเป็นจุดที่ไวที่สุดของจอประสาทตา เรียกว่า แมคูลา ลูเทีย (Macula Lutea) จุดนี้นี่เองจะเป็นจุดที่จะเกิดการเสื่อมหรือโดนทำลายทีละเล็กทีละน้อยได้ อาจจะมาจาก อายุ การสูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ แสงแดด ลม หรือแม้แต่การได้รับสารอาหารที่บำรุงตาน้อยเกินไป
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) พบมากบริเวณจอรับภาพซึ่งเมื่อสาร 2 ชนิดนี้เริ่มหมดไป ตาเราก็จะมีเสี่ยงต่อความเสื่อมที่จะเกิดขึ้น
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) คืออะไร? ![]()
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) หรือเราจะเรียกว่า กลุ่มแซนโทรฟิลล์ (Xanthophyll) ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ แต่ต้องได้มาจากการกินเท่านั้น เราจะเจอสาร 2 ชนิดนี้ได้จากอาหารกลุ่มแคโรทีนอยด์ และจะพบมากในดอกดาวเรืองและผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลาย ซึ่งสารธรรมชาติในผักผลไม้จะมีแคโรทีนอยด์ มากกว่า 600 ชนิด แต่จะมีเพียง 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบอยู่บริเวณจุดรับภาพของตาที่มีเซลล์รับภาพอยู่เป็นล้านๆเซลล์
สารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันเพื่อป้องกันเซลล์รับแสงจากอันตรายจากอนุมูลอิสระที่เซลล์สร้างขึ้น เพราะดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ได้ นอกจากนี้ สารทั้ง 2 ชนิดนี้มีหน้าที่ในการกรองแสงสีฟ้าที่เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูง ซึ่งแสงสีฟ้านี้เป็นปัจจัยหลักเหมือนกันในการทำให้จอประสาทตาเราเสื่อม
ปริมาณ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่จำเป็นต่อวัน ![]()
ทางทฤษฎีของ DRI (Dietary Reference Intake) ยังไม่มีการกำหนดที่ชัดเจน แต่มีการทำวิจัยศึกษากับปริมาณผักผลไม้ที่ทานจริง คือ ลูทีน (Lutein) 2.5-3.0 มิลลิกรัม/วัน และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) 0.4 – 2 มิลลิกรัม/วัน แต่ปริมาณดังกล่าว เราจะต้องทานผักผลไม้เยอะแค่ไหนถึงจะเพียงพอ เพราะอย่าลืมว่าจะต้องมีการสูญเสียไปกับการปรุงอาหารด้วย ซึ่งมีตัวแปรของ ความร้อน น้ำล้าง อากาศ แสงธรรมชาติ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อคุณค่าที่หายไปด้วยเช่นกัน ต่อให้เราทานอาหารยังไงก็ไม่มีทางได้ครบถ้วนตามที่แนะนำแน่นอน ถ้าจะครบจริงๆ อาจจะต้องทานผักผลไม้ทีเป็นกิโลๆ ซึ่งคงไม่มีใครทำได้ ToT


เราได้ทำการวิจัยและทดลองให้ได้รับปริมาณ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่เพียงพอในแต่ละวันมาให้แล้ว ว่าการที่ Luteines 1 แคปซูล จะได้รับสารอาหารครบถ้วนเพื่อบำรุงดวงตาให้อยู่ในสภาพดีแบบนี้ไปนานๆ และไม่เพียงแต่สาร 2 ชนิดนี้ แต่ยังมีแร่ธาตุหลักตัวอื่นๆอีกมากกว่า 10 ชนิด ที่ทำงานเสริมกับ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) อีกด้วย ได้แก่
🌾 สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed) : ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของสายตา ทำให้ดวงตาสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น, ช่วยป้องกันการเสื่อมของดวงตา โดยช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ และกรองแสงสีน้ำเงินที่จะมาทำลายดวงตาได้อีกด้วย
🌾 สารสกัดจากมิกซ์เบอร์รี่ 4 ชนิด (Mixed Berry Powder) ได้แก่ บลูเบอร์รี่, บิลเบอร์รี่, แครนเบอร์รี่ และ ราสเบอร์รี่ : ผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในดวงตาดีขึ้น และยังช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่ทำลายดวงตาได้
@ บลูเบอร์รี่ (Bluberry) : ช่วยลดอาการตาแห้ง แสบเคืองตา ป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตามาอย่างหนัก ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
@ บิลเบอร์รี่ (Bilberry) : ช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงดวงตาเพิ่มขึ้น ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีในที่มืด ลดอาการเมื่อยล้าดวงตา
@ แครนเบอร์รี่ (Cranberry) : อุดมไปด้วย ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย และช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่ทำลายดวงตา
@ ราสเบอร์รี่ (Raspberry) : ช่วยป้องกันการอ่อนล้าจากการใช้สายตาอย่างหนัก และช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
🌾 สังกะสี (Zinc)
@ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอโรคจอประสาทตาเสื่อมที่เป็นอยู่แล้วให้ช้าลง
@ มีความสำคัญมากต่อการทำงานของ Rhodopin ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในส่วนของการมองเห็น หากร่างกายขาดธาตุสังกะสีที่จะมาจับโปรตีนดังกล่าว ก็จะทำให้โปรตีนนี้สลายตัวและส่งผลให้เกิดอาการคล้ายกับโรคทางพันธุกรรมที่จะนำไปสู่อาการตาบอดหรือมองไม่เห็นได้
@ หน้าที่และประโยชน์ที่สำคัญของสังกะสี คือ การร่วมมือกันกับวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินบำรุงสายตาอีกชนิดหนึ่ง โดยการเข้าไปเสริมแรงของวิตามินเอ ให้สามารถดูแลดวงตาไม่ให้เป็นโรคตาบอดกลางคืน
🌾 วิตามินและแร่ธาตุ (A, B2, B6, B12) :
Vitamin A :
- เป็นวิตามินที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าช่วยบำรุงสายตา
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรค ช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสง
- ช่วยบรรเทาอาการตาบอดกลางคืน (Night Blindness)
Vitamin B2 :
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
- ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าดวงตา
Vitamin B6 :
- มีความเชื่อมโยงกับการผลิตโปรตีนชนิดต่างๆ และสารสื่อนำประสาท เกี่ยวโยงกับสารสื่อนำประสาทในสมอง
Vitamin B12 :
- ช่วยบำรุงระบบประสาทของร่างกาย
🌾 น้ำมันเมล็ดลินิน (Linseed Oil) หรือ น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil) : น้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดของต้นลินินหรือต้นปอป่าน ซึ่งมนุษย์เรามีการปลูกมานานกว่า 5,000 ปี ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
- อุดมไปด้วยโอเมก้า 3,6,9 และวิตามินอี
- เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัตเป็นประจำ เพราะคนที่รับประทานมังสวิรัตจะขาดโอเมก้า 3 ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมคุณสมบัติของ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มีผลวิจัยว่าช่วยให้บรรเทาอาการตาแห้งได้
🌟🌟 ให้ Luteines (ลูทีเนส) ดูแลคุณ 
🌟 บำรุงจอประสาทตา จากการถูกทำลายจากสภาวะแวดล้อมหรือความเสื่อมตามวัย
🌟 บำรุงสุขภาพดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
🌟 ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดบริเวณดวงตา
🌟 ช่วยลดอาการตาแห้ง
🌟 ช่วยลดอาการอ่อนล้าของดวงตาจากการใช้สายตาหนัก หรือใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน
รีวิวจากผู้ใช้สินค้าจริง!!!







| หน้าที่เข้าชม | 142,711 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 112,689 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 4 ส.ค. 2559 |
| ร้านค้าอัพเดท | 25 ก.ย. 2568 |